จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562

ฟันธง! อาหารเหล่านี้ห้ามทานคู่กัน จริงหรือไม่?



ฟันธง! อาหารเหล่านี้ห้ามทานคู่กัน จริงหรือไม่?
อาหารบางอย่างทานเดี่ยวๆ ก็มีรสชาติดี มีประโยชน์มหาศาล แต่ไหงเป็นว่าทานกับอาหารอีกอย่างหนึ่งแล้วให้โทษกับร่างกายได้? ความเชื่อที่ส่งต่อๆ กันมาในอินเตอร์เน็ตเป็นความจริงหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบมายืนยันให้อีกครั้งค่ะ
____________________

tofu-honey
ห้ามกิน เต้าหู้ กับ น้ำผึ้ง?
เขาบอกว่า กินด้วยกันแล้วจะทำใหหูหนวก
เรื่องจริงคือ ไม่เป็นความจริงเลย ไม่มีสารตัวไหนในเต้าหู้ และ น้ำผึ้ง ที่จะทำให้หูหนวกได้เลย หากมีสูตรอาหารที่ต้องทานคู่กัน อร่อยต่อได้ ไม่มีปัญหา
patato-banana
ห้ามกิน มันฝรั่ง กับ กล้วย?
เขาบอกว่า จะทำให้หน้า และผิวหนังเป็นฝ้า
เรื่องจริงคือ ไม่มีสารตัวไหนในมันฝรั่ง และกล้วย ทำร้ายผิวจนเป็นฝ้าได้ เพราะฝ้ามีสาเหตุมาจากแสงแดด ฮอร์โมน ยาที่รับประทาน เครื่องสำอางที่ใข้ พันธุกรรม หรือการขาดสารอาหารบางอย่าง ที่ทำให้ให้ผิวหนังไม่สามารถป้องกันแสงยูวีได้มากพอ
banana-taro
ห้ามกิน กล้วย กับ เผือก?
เขาบอกว่า ทานด้วยกันแล้วทำให้ท้องอืด
เรื่องจริงคือ มีความเป็นไปได้เล็กน้อย เพราะกล้วย และเผือก เป็นอาหารที่ต้องใช้เวลาย่อยปานกลาง หากทานด้วยกันในปริมาณมาก อาจเกิดอาการท้องอืด ที่เกิดจากอาหารไม่ย่อยได้ แต่หากทานในปริมาณน้อยๆ คงไม่ถึงขั้นทำให้ท้องอืดผิดปกติได้
spinach-tofu
ห้ามกิน ปวยเล้ง กับ เต้าหู้?
เขาบอกว่า ทานด้วยกันแล้วจะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
เรื่องจริงคือ โรคนิ่วในไขสันหลัง จริงๆ แล้วชื่อของโรคที่ถูกต้องคือ โรคหินปูนเกาะที่กระดูกสันหลัง ที่เกิดจากร่างกายชราภาพลง เกิดจากความพยายามของร่างกายที่จะค้ำจุนเนื้อเยื่อโครงสร้างที่ฉีกขาดไป และอาจก่อให้เกิดปัญหา เมื่อหินปูนไปเกาะตัวที่เส้นประสาท ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกับอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้แต่อย่างใด
banana-papaya-watermelon
ห้ามกิน กล้วย มะละกอ และแตงโมด้วยกัน?
เขาบอกว่า ทานด้วยกันแล้วจะทำให้เป็นโรคไต และโรคเบาหวาน
เรื่องจริงคือ สาเหตุของโรคไต และโรคเบาหวาน ไม่ได้มาจากการทานอาหารทั้ง 3 ชนิดนี้ เพราะโรคเบาหวานมีสาเหตุจากกรรมพันธ์ และพฤติกรรมการทานอาหารรสหวาน โรคไตก็มาจากพฤติกรรมการทานเค็ม และยังมีหลายสาเหตุ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้แต่อย่างใด ยกเว้นเป็นผู้ป่วยของทั้ง 2 โรคนี้อยู่แล้ว ต้องระมัดระวังผักผลไม้ที่มีน้ำตาล และ/หรือโพแทสเซียมสูง
orange-lime
ห้ามกิน ส้ม กับ มะนาว?
เขาบอกว่า กรดของส้ม และมะนาว จะทำร้ายกระเพาะอาหาร จนทำให้กระเพาะอาหารทะลุ
เรื่องจริงคือ ไม่เป็นความจริงเลย เพราะค่า pH ในส้ม และมะนาว มีค่าความเป็นกรดน้อยกว่าในกระเพาะอาหารที่มีน้ำย่อยเสียอีก
sake-beer
ห้ามกิน เหล้าขาว กับเบียร์?
เขาบอกว่า ดื่มด้วยกันแล้วจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
เรื่องจริงคือ แม้จะไม่ได้เป็นความจริงตรงๆ แต่อย่างไรก็ดี แอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดี ดื่มเข้าไปมากๆ ก็ทำให้เป็นโรค สุขภาพเสื่อมโทรม อ่อนแอ และเสียชีวิตได้เหมือนกัน

ginger-fridge
ห้ามกิน ขิงดอง ที่แช่ในตู้เย็น?
เขาบอกว่า ขิงดองที่แช่ในตู้เย็น ทานแล้วจะทำให้เป็นโรคมะเร็ง
เรื่องจริงคือ อาหารที่เก็บรักษาคุณภาพด้วยการแช่เย็นในตู้เย็น ไม่ได้มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย (ยกเว้นเก็บเอาไว้นานเกินไป หรือความเย็นไม่เพียงพอ จนแบคทีเรีย หรือราเจริญเติบโตได้ ทำให้อาหารบูดเสีย แล้วยังนำมาทาน)
daikon-fruits
ห้ามกินหัวไชเท้า กับผลไม้ทุกชนิด?
เขาบอกว่า จะทำให้เป็นโรคคอพอก
เรื่องจริงคือ โรคคอพอกไม่ได้เป็นกันง่ายๆ โรคคอพอกเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับอาหาร คือ การขาดสารไอโอดีน หรือขาดอาหารทะเล ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหัวไชเท้า และผลไม้เลย

soybean-brown-sugar
ห้ามกิน น้ำเต้าหู้ ใส่น้ำตาลแดง?
เขาบอกว่า ทำให้สูณเสียวิตามินไป
เรื่องจริงคือ น้ำตาล ไม่ใช่ตัวที่ทำให้วิตามินจางหายไป โดยเฉพาะวิตามินที่อยู่ในน้ำเต้าหู้อย่าง วิตามินบี ที่ไม่ลดลงเมื่อเจอกับน้ำตาลแต่อย่างใด
honey-hot-water
ห้ามกิน น้ำผึ้ง ที่นำไปละลายในน้ำร้อน?
เขาบอกว่า จะทำให้คุณค่าวิตามินสูญหายไป
เรื่องจริงคือ วิตามินบางส่วนถูกทำลายด้วยความร้อนจริง ดังนั้นรับประทานสดๆ จะได้วิตามินมากกว่า แต่หากใครที่ชอบทำไปผสมกับเครื่องดื่มร้อนๆ แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นๆ แทน
mangosteen-sugar
ห้ามกิน มังคุด กับน้ำตาล?
เขาบอกว่า ทานด้วยกันแล้วจะทำให้เสียชีวิต
เรื่องจริงคือ ถ้าเป็นผู้ป่วยเบาหวานคงไม่ดีแน่ แต่หากพูดถึงการทานด้วยกันแบบคำสองคำ ไม่มีผลถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ทานด้วยกันเท่าไร เพราะมังคุดก็มีน้ำตาลสูงอยู่แล้ว น้ำตาลมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มน้ำตาลเข้าไปอีก
sake-persimmon
ห้ามกิน เหล้าขาว กับลูกพลับ?
เขาบอกว่า เมื่อทานด้วยกันแล้วทำให้เป็นพิษในร่างกาย
เรื่องจริงคือ ไม่เป็นความจริง ไม่มีสารตัวไหนของอาหารทั้งสองชนิดนี้ ทำให้เกิดพิษในร่างกายแต่อย่างใด
durian-alcohol
ห้ามกิน ทุเรียน กับแอลกฮอล์/น้ำอัดลม?
เขาบอกว่า ทานด้วยกันแล้วจะทำให้เสียชีวิต
เรื่องจริงคือ มีส่วนที่เป็นความจริงอยู่ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง เมื่อทานทุเรียน และแอลกอฮอล์/น้ำอัดลมด้วยกัน ซึ่งเป็นอาหารที่มีพลังงานสูง หรือมีน้ำตาลสูงทั้งคู่ จะทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดสูงไปด้วย ร่างกายเกิดความร้อนสูงผิดปกติ และทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีอาการหน้าร้อนวูบวาบ ตัวสั่น ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ จนอาจหมดสติ หรือเสียชีวิตได้ (ในกรณีที่รับประทานเข้าไปในปริมาณมาก)
โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่เป็นความจริง แต่ก็มีบางเรื่องที่ควรระวังอยู่ด้วยเหมือนกัน ทางที่ปลอดภัยคือ อย่าทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำๆ หรือมากจนเกินไป เลือกทานอาหารให้หลากหลายอย่างละนิดอย่างละหน่อย ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ และลดปัญหาการขาดสารอาหารได้ด้วย
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : Dr. Jessada Denduangboripant กรมอนามัย
 

9 เช็คให้ชัวร์ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร




9 เช็คให้ชัวร์ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร

9 เช็คให้ชัวร์ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร

    สมัยนี้มีผู้ประกอบการทำผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ออกมาให้เราได้ซื้อทานกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนเล็กๆ แบบ SME ไปจนถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังระดับโลกที่อาจจะเพิ่งเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทย
    แต่ในเมื่อมีอาหารออกมาล่อตาล่อใจมากมาย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารชนิดไหนที่จะปลอดภัยกับร่างกายของเราจริงๆ ทานแล้วไม่ป่วย ไม่ท้องเสีย ทาง อย. หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีวิธีสังเกตง่ายๆ เพื่อเช็คความปลอดภัยของอาหารเหล่านั้นมาฝากกันค่ะ
เช็คให้ชัวร์ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร
  1. วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และหมดอายุ
เป็นสิ่งแรกที่เราต้องเช็ค เพราะหากเราเผลอทานอาหารหมดอายุเข้าไปในร่างกายแล้ว มีหวังต้องถูกส่งหามเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ นอกจากนี้การทานอาหารที่สุ่มเสี่ยงต่อการหมดอายุบ่อยๆ ยังเสี่ยงโรคต่างๆ รวมไปโรคมะเร็งด้วยนะ
  1. วิธีการบริโภค
อันนี้ก็สำคัญ อาหารบางชนิดอาจจะสามารถเปิดทานได้เลย แต่อาหารบางชนิดอาจจะต้องอุ่นก่อนทาน ตอนอุ่นก็อาจจะต้องเปิดฝาแง้มไว้เล็กน้อย ป้องกันการระเบิดตัวเองในไมโครเวฟ หรืออาหารบางชนิดอาจมีขั้นตอนพิเศษ เช่น เติมน้ำก่อนอุ่น หรือแม้กระทั่งห้ามทานกับอาหารบางชนิด เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ ลองส่องวิธีทานดูก่อนว่าสะดวกหรือไม่
  1. ฉลากภาษาไทย แสดงชื่อผลิตภัณฑ์
แม้ว่าจะเป็นอาหารที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่หากมีการจำหน่ายในประเทศ ผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะต้องมีฉลากข้อมูลผลิตภัณฑ์ภาษาไทยกำกับทุกครั้ง
  1. ข้อมูลโภชนาการ
เหลือบไปดูข้อมูลโภชนาการของอาหารสักหน่อยก่อนหยิบลงตะกร้า จะได้ทราบว่าสิ่งที่เรากำลังซื้อทาน ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ให้สารอาหารอะไรแก่เราบ้าง หากเรามีความจำเป็นต้องจำกัดสารอาหารบางชนิด เช่น หมอบอกให้ลดน้ำตาล เราก็ควรจะมองหาว่าอาหารชนิดนั้นน้ำตาลสูงหรือไม่ เป็นต้น
  1. ส่วนประกอบสำคัญ
นอกจากจะบอกได้ว่าอาหารชนิดนั้น ส่วนใหญ่แล้วประกอบไปด้วยอะไร มีน้ำตาล หรือไขมัน สารปรุงแต่งรส รูป กลิ่น สี มากแค่ไหนแล้ว คนที่แพ้อาหารบางชนิดยิ่งควรต้องเช็ค เพื่อมองหาส่วนผสมที่อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาหารบางชนิดอาตมีส่วนผสมของถั่ว หรือนมวัวที่บางคนอาจแพ้ เป็นต้น
  1. ข้อแนะนำ หรือข้อควรระวังในการใช้
นอกจากเรื่องของวิธีการทานแล้ว ผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิดอาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่สำคัญกับร่างกาย เช่น อาหารชนิดนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี หญิงมีครรภ์ไม่ควรทาน หรือไม่ควรบริโภคเกิน 3 หน่วยต่อวัน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นต้น
  1. ชื่อ และที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้จัดจำหน่าย
ความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์มาจากแหล่งผลิตนี่แหละ หากไม่มีการระบุผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า หากผลิตภัณฑ์มีปัญหา เราไม่อาจติดต่อผู้ผลิตได้ จึงเป็นเรื่องอันตราย นอกจากนี้หากเป็นผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าที่ชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดี ก็อาจเลี่ยงการบริโภคได้ง่ายๆ
  1. เลขสารบบอาหารในเครื่องหมาย อย.
อันนี้อาจจะพิสูจน์ในแว่บแรกที่เห็นยากหน่อย แต่เอาเป็นว่าก่อนซื้อมองหาเครื่องหมายของ อย. ก่อน ถ้ามี อย. และมีเลขสารบบอาหารครบถ้วน ก็พอจะวางใจซื้อมาทานได้ หากซื้อกลับบ้านแล้วพบว่าอะไรผิดแปลกชอบกล ก็สามารถนำเลขสารบบไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตได้อีกครั้ง
  1. เช็คความจำเป็น
เริ่มเข้าสู่ข้อที่สำคัญของนักช้อป หากเป็นอาหารเสริมที่มีการโฆษณาเกินจริงอาจจะต้องใช้วิจารณญาณให้มากขึ้น ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ มีสติ ไม่หลงคำโฆษณามากจนเกินไป และที่สำคัญ เช็คตัวเองว่าเราต้องการผลิตภัณฑ์นั้นๆ มากน้อยแค่ไหน คุ้มค่ากับเงินทีต้องเสียไปหรือไม่
     สุขภาพที่ดี เริ่มต้นด้วยอาหาร แต่หากสุขภาพจะพัง ก็เริ่มต้นจากอาหารด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรระมัดระวังในสิ่งที่เราบริโภค เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนจนต้องเสียเงินเพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลกันเลยนะคะ

5 วิธีหยุดความหิว เพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล




5 วิธีหยุดความหิว เพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล
     เหตุผลที่เราต้องกิน ก็เพราะเราหิว ยิ่งหิวมาก เราก็ยิ่งกินมาก แล้วเมื่อไรที่เรากินมาก มากจนเกินความต้องการของร่างกาย มันก็เป็นที่มาของน้ำหักที่พุ่งเอาๆ และไขมันรอบพุง ต้นแข นและต้นขาก็เริ่มตามมาอย่างช้าๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเราก็เรียกตัวเองว่า “อ้วน” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ จนต้องหาทางลดน้ำหนักด่วนๆ
     สาเหตุหลักของความอ้วน มันมาจากการกินนี่แหละ หลายคนคิดในใจว่า “ก็มันหิวนี่ ถ้าหิวเราก็ต้องกิน” นั่นสิ... แล้วเราจะหยุดความหิวลงได้ยังไง  มีเคล็ดลับลดหิวที่ใช้ได้ผลจริงมาฝากกันค่ะ
1. อย่าอดข้าวเช้า
congee-1
     วัยเรียน วัยทำงานหลายคนไม่ได้ทานข้าวเช้า เพราะความรีบเร่งที่จะไปเรียน ไปทำงานให้ทัน หรือบางคนอ้างว่า อดข้าวเช้าจนติดเป็นนิสัยแล้ว เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาหารเช้า แต่จริงๆ แล้วการทานอาหารเช้า จะช่วยลดความหิวโหยในการทานอาหารกลางวัน เลยไปจนถึงอาหารเย็นได้เลยเยอะเลยทีเดียว ไม่เชื่อพรุ่งนี้ลองทานข้าวเช้าดูสิ
2. อย่าเว้นว่างมื้ออาหารนานเกินไป

employee-1
     คนที่ต้องทำงานขยับร่างกายทำนู่นทำนี่ตลอดเวลาอาจจะลำบากหน่อย มีเวลาพักน้อยนิด ทำได้แต่ทานมื้อกลางวันแล้วก็ลุยงานต่อถึงเย็นหรือดึก แต่สำหรับใครที่พอมีเวลาว่างระหว่างวัน หรือนั่งโต๊ะทำงานสบายๆ ลองหาอาหารเบาๆ สบายท้องมาทานระหว่างวันดูนะคะ แทนที่เราจะยัดทุกอย่างให้หมดตั้งแต่มื้อกลางวัน แล้วยิงยาวถึงเย็น ลองทานมื้อกลางวันไม่มากนัก แต่มีของกินเบาๆ เช่น สลัดผัก โยเกิร์ต ผลไม้สด มาทานตอนบ่ายๆ ทำให้เราอยู่ท้อง ไม่ต้องหิ้วไส้รอไปจนถึงตอนเย็น ซึงอาจทำให้เราหิวจัดจนทำให้ทานมื้อเย็นมากจนเกินไปนั่นเอง
3. ลดโซเดียม ลดผงชูรส

salt-food-1
     ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอาหารที่มีรสเค็มจัด หรือใส่ผงชูรสมากเกินไป ทำให้เราอยากอาหารเพิ่มขึ้น นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้ามากยิ่งขึ้น จนหลายคนอิ่มแล้ว แต่ก็ยังทานต่อเพราะมันอร่อย คราวนี้ก็ไม่ใช่การกินเพราะหิวอีกต่อไป หากลองสังเกตอาหารคลีนที่รสชาติจืด เราทานเสร็จเราอาจจะไม่ค่อยเอนจอยอิทติ้งเท่าไร แต่มันก็ระงับความอยากอาหารของเราได้ ทำให้เราไม่หิวโหยอยากทานมากเกินความจำเป็นนั่นเอง แถมยังได้สุขภาพดีแถมมาด้วย
4. อย่าอดอาหารเย็น

diet-1
     คุณลองนับไปสิว่ากฎห้ามทานอาหารเย็นหลังหกโมงเย็น จะทำให้ท้องคุณว่างไปอีกกี่ชั่วโมง แล้วถ้ามีใครไม่ยอมทานข้าวเช้าอีก ท้องไส้จะว่างไปอีกกี่ชั่วโมง การปล่อยให้ท้องว่างนานๆ ก็ยิ่งทำให้หิวหนักขึ้น คุณอาจลงเอยกับมื้ออาหารที่มากเกินไปในมื้อถัดมานั่นเอง
5. บอกลาบุฟเฟ่ต์

japanese-buffet-1
     ถ้าอยากลดความหิวโหย อย่าปรายตามองบุฟเฟต์ แน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ที่ช่วยทำให้ท้องร้องจ๊อกๆ ของคุณอิ่มหมีพีมันอย่างเต็มคราบ แต่การทานอาหารโดยตามใจปาก และเห็นกับคำว่า “คุ้ม” มากเกินไป ก็เป็นสาเหตุของอาการหิว (ทั้งหิวจริง และบวกกับความอยากเข้าไปด้วย) จนทำให้คุณพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา หน้ามืดตามัวกินไม่ยั้งจนเลยคำว่าหิว คำว่าอยากไปแล้วอย่างแน่นอน
     ทั้งนี้คุณเองรู้ตัวเองดีว่า ที่คุณกำลังเป็นอยู่ คือ “ความหิว” หรือ “ความอยาก” จริงอยู่ที่ชีวิตเราต้องใช้ให้คุ้ม อยากกินอะไรก็ต้องได้กินบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกมื้อ ลองตามใจท้องมากกว่าตามใจปากดูบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ไว้ลดน้ำหนักได้แล้วจะให้รางวัลตัวเองบ้างบางมื้อ เราก็ไม่ว่ากัน จริงๆ นะ

ราชกิจจาฯ ประกาศสั่งขายของออนไลน์ต้องแสดงราคา เลิกให้ in box ได้เเล้ว !




เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ขายของออนไลน์ต้องแสดงราคา รายละเอียดสินค้า-บริการ ให้ชัดเจน เลิกให้ in box ได้เเล้ว !
   บอร์ดคุมราคาสินค้าฯ ออกประกาศสั่ง “ผู้ค้าออนไลน์” ต้องแสดงราคา-รายละเอียดสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ซึ่งรวมถึงค่าบริการ /ประเภท/ชนิด/ลักษณะ/ขนาด/น้ำหนัก และรายละเอียดอื่นๆ ด้วยการการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏในสินค้า ภาษาไทย หรือภาษาอื่นด้วยก็ได้เช่นกัน
   ทั้งนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2560 เรื่องการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์
 “โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๐ เห็นควรกำหนดให้มีการกำกับดูแลการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและ บริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบ ราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๕) มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศดังต่อไปนี้
  ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป
   ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์
   ข้อ ๓ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจำหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏ ด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจำหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคาหรือค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย สำหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาจำหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้
    ข้อ ๔ กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่ายสินค้าหรือ ค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ ๓ ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วนและเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจำหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ
    ข้อ ๕ การแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ ๓ ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ำกว่า ราคาจำหน่าย หรือค่าบริการที่แสดงไว้
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐
อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ


ระวัง! 5 ยาอันตรายขายเกลื่อนเน็ต เสี่ยงเสียชีวิต


ระวัง! 5 ยาอันตรายขายเกลื่อนเน็ต เสี่ยงเสียชีวิต
       การก้าวเข้ามาของโลกออนไลน์ ทำให้ชีวิตเราง่ายไปหมด อยากได้อะไรเราก็สามารถเลือกซื้อเลือกหา จ่ายเงิน รอรับของที่บ้านเพียงผ่านแค่ปลายนิ้ว และสมาร์ทโฟนเครื่องเท่ามือข้างเดียว แต่เทคโนโลยีนี้ดันเหมือนเหรียญสองด้าน ของที่ไม่ควรขายกันง่ายๆ ก็ดันวางขายกันเกลื่อน หาซื้อได้ง่ายราวกับลูกอม หรือหมากฝรั่ง โดยเฉพาะ ยารักษาโรค” ที่ควรจะให้สิทธิ์ขายแค่เพียงเภสัชกรที่ร่ำเรียนมาหลายปีเพื่อประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับยาโดยเฉพาะ
ดังนั้น หากเห็นยาตัวไหนขายในอินเตอร์เน็ต โดยไม่ได้มาจากเภสัชกร ก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดแล้ว ยิ่งมาเจอยาอันตรายที่ขายกันเกลื่อนเต็มไปหมด ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จะมียาอะไรที่เราอาจได้พบเจอ และไม่ควรซื้อมาทานเด็ดขาดบ้าง มาดูคำแนะนำจาก อย. กันค่ะ
ยาอันตรายขายเกลื่อนเน็ต เสี่ยงเสียชีวิต
  1.  ยามหัศจรรย์
   ยามหัศจรรย์มาพร้อมคำโฆษณาชวนเชื่อที่มักใช้คำทำนองว่า “หายขาดแน่นอน” “วิเศษ” “ดีที่สุด” หรือแม้กระทั่ง “ผลงานวิจัยล่าสุด” แต่พอหาข้อมูลจริงๆ กลับไม่เจอ หรือไม่น่าเชื่อถือ หนำซ้ำยังมีส่วนผสมของ “สเตียรอยด์” ที่เป็นสารต้องห้าม ที่ต้องได้รับการควบคุมการใช้จากแพทย์เท่านั้นอีกด้วย
   สเตียรอยด์จะออกฤทธิ์ ทำให้อาการปวดที่มีลดลง รู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาในเวลาอันสั้น จึงทำให้คนที่ทานยานั้นๆ รู้สึกว่ายาออกฤทธิ์ดี ได้ผลจริง แต่จริงๆ แล้ว หากทานยาที่มีสเตียรอยด์เข้าไปนานๆ อาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุ ลดภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย บดบังอาการของโรค ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยากขึ้น และหากมีอาการหนัก หัวใจอาจเต้นผิดจังหวะ หรือหยุดเต้น จนทำให้เสียชีวิตได้
       2.อาหารเสริมลดความอ้วน
มาพร้อมกับคำโฆษณาชวนเชื่อว่า “ลดจริง พิสูจน์ได้” “รับประกัน ไม่โยโย่” “กิโลภายใน 1 อาทิตย์” หรือ “ดื้อยาก็ลดได้” จริงๆ แล้วส่วนใหญ่มักใส่สารไซบูทรามีน ที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลาง ทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่เมื่อทานไซบูทรามีนติดต่อกันนานๆ จะทำให้เกิดอาการติดยา ประสาทหลอน ไตวาย ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดตีบตัน จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
  1. อาหารเสริมเร่งผิวขาว
มาพร้อมกับคำโฆษณายั่วเงินในกระเป๋าของคุณผู้หญิงหลายคนที่อยากขาวว่า “ขาวออร่า” “ขาวอมชมพู” “14 วัน ขาว เนียน ใส ไรฝ้า” “สวยขาวจากภายในสู่ภายนอก” จริงๆ แล้วอาหารเสริมประเภทนี้ส่วนใหญ่มักลักลอบใส่ยาที่มีฤทธิ์ห้ามเลือด โดยนำผลข้างเคียงของมาใช้รักษาฝ้า หรือทำให้ผิวขาวขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ หากทานติดต่อกันนานๆ อาจมีอันตรายทำให้เกิดลิ่มเลือด จนอุดตันเส้นเลือดต่างๆ ในร่างกาย หากลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอด อาจทำให้หายใจไม่ออก หรือหากลิ่มเลือดไปอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
  1. ครีมทาสิว ฝ้า หน้าขาว
มาพร้อมกับโฆษณาว่า “ขาวจริงใน วัน” “ขาวใสขั้นเทพ” หรือ “ขาวจริง ขาวไว” ที่ขาวได้ขนาดนี้ เพราะผู้ผลิตมักลักลอบผสมสารอันตรายเข้าไปหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นไฮโดรควิโนน ปรอทแอมโมเนีย สเตียรอยด์ กรดวิตามินเอ ที่ทำให้หน้าขาวเร็ว แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ ผื่นขึ้น สิวบุก ผิวหน้าลอก ไวต่อแสงเกินไป จนหน้าพังถาวรได้
 5. อาหารเสริมสมรรถภาพทางเพศ
มาพร้อมคำโฆษณาที่ยั่วกิเลสท่านชายว่า “ใหญ่ยาว เพิ่มขนาด” “อึด ทน นาน” หรือ “ทำจากสมุนไพรธรรมชาติ” แต่ความเป็นจริงแล้วลักลอบผสมซิลเดนาฟิล ซึ่งเป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ หน้าแดง มึนงง เกิดอาการช็อก หัวใจวายเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตได้
   นอกจากนี้กลุ่มยาแก้ไอ แก้ปวด แก้แพ้ ที่ลักลอบขายอย่างผิดจุดประสงค์ คือ ขายยาเพื่อใช้เสพเป็นของมึนเมา โดยมาพร้อมโฆษณาว่า “เมาง่าย” “ราคาไม่แพง” “ไม่ขม” “ไม่ใช่ยาเสพติด ฉี่ไม่ม่วง” หรือ “ครูไม่รู้ ตำรวจไม่จับ” เช่น ยาทรามาดอลทานร่วมกับยาน้ำเชื่อมแก้แพ้ แก้ไอ หรือที่เรียกว่า “ยาโปร” จะส่งผลต่อสุขภาพทั้งระยะสั้น และระยะยาว และเกิดการเสพติดได้
   ผลร้ายต่อร่างกาย คือ หากทานเป็นเวลานาน จะเกิดอาการประสาทหลอน ระบบประสาททำงานช้าลง และหากได้รับยาเกินขนาด อาจทำให้ชัก เกร็ง กล้ามเนื้อกระตุก หัวใจหยุดเต้น จจนอาจเสียชีวิตได้ ทางที่ดีคือ ก่อนซื้อยาทาน ควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้ง และหากมีอาการเจ็บป่วย ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง อยากลดน้ำหนัก ต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย อยากขาวต้องใช้ครีมกันแดด และอย่าใช้ยาผิดประเภท จะได้ไม่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตก่อนวัยอันควรค่ะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : อย.